ดูเรื่องราวต่างๆของเรา

10 สิงหาคม 2553

ผาแต้ม-สามพันโบก-อุบลฯ กลางสายฝน (ภาคต่อจากลาวใต้)


เราเริ่มทริปนี้กันวันที่ 24 กค. เป็นของแถม extension trip ต่อจากลาวใต้ 2 คืน


กลับข้ามฝั่งไทยด้วยรถบขส.ข้ามชาติจากปากเซเที่ยวสุดท้ายบ่ายสามโมงครึ่ง
อำลาเมืองลาวด้วยบรรยากาศได้อารมณ์มาก
ภาพนี้ถ่ายตอนข้ามสะพานข้ามโขงมานิดนึง



จากนั้นก็ฝนเทกระหน่ำ ช่วงที่ผ่านเขื่อนสิรินธรฯ ก็มีแดดมาแว๊บนึง บรรายกาศน่านั่งเล่นมาก


จนมาถึงอุบลฯกันตอนฟ้ามืดสนิท
เริ่มจะกังวลเล็กน้อย เพราะเรายังไม่ได้ที่พักในอุบลฯ ประกอบกับไปตรงช่วงงานแห่เทียนพรรษา
แต่เราก็ยังอุ่นใจนิดนึง เพราะมีสารถีที่ให้บริการเราตั้งแต่ขามา(ก่อนข้ามไปลาว) รับปากว่าจะช่วยหาให้
นั่งรอที่ บขส.อุบลฯซักพัก น้าเหน่ง สุดยอดสารถีของเราก็เอาวีออสใหม่เอี่ยมมาเทียบชานชาลา
หิวมากเลยพาไปแวะกินข้าวก่อน ในเมืองนั่นแหละ เค้าเรียกอะไรไม่รู้ แต่มีร้านอาหารอยู่กันอย่างเยอะเลย
แจ่วฮ้อนร้านนี้อร่อยได้เรื่องเลย ไม่แพงด้วย


และแล้วที่พักในโซนตัวเมืองก็เต็มหมดหลังจากน้าเหน่งพาเราตระเวนหาอยู่5-6แห่ง

ที่สำคัญราคาขึ้นมาอีก 100% โอ้วว...เทศกาลเดียวของจังหวัด จ้องจัดให้หนัก
สุดท้ายเรามาได้โรงแรมนอกเมืองระดับ 2.5ดาว ที่อัพราคาขึ้นซะน่าเกลียด
แต่ก็เอาหละ เหนื่อยแล้วขอนอนก่อน
ที่ล็อบบี้โรงแรมก็มีการเอาเทียนพรรษามาโชว์ไว้ด้วย
ภาพนี้ถ่ายตอนเช้าแล้ว

มือจับประตูของโรงแรม ทำเป็นดอกบัวสวยดีเหมือนกัน

หลังจากบุฟเฟ่ต์มื้อเช้าที่โรงแรมเราก็เช็คเอาท์ออกเที่ยวกันเลย
คืนนี้ย้ายไปนอนอีกที่หละ ถูกกว่าที่นี่หน่อย

เรานัดน้าเหน่งให้มารับตอน 7 โมงเช้า น้าเค้ามาตั้งแต่ก่อน7โมง
พวกเราเดินกลับจากห้องอาหารโรงแรมก็เจอน้าเหน่งนั่งเฝ้ากระเป๋าเราอยู่ตรงล็อบบี้แล้ว
รีบขนของใส่ท้ายวีออส มุ่งหน้าไปยังที่พักอีกแห่งที่เค้าโทร.มาตามเมื่อคืน
เอาของไปเช็คอินกั๊กไว้ก่อน แล้วก็ออกเที่ยวกันเลย
มุ่งหน้าไปทางผาแต้ม ระหว่างทางน้าเหน่งก็เป็นไกด์ไปด้วย พาแวะชมแก่งตะนะ แม่น้ำสองสี วัดถ้ำคูหาสวรรค์
แต่ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจอากาศแปรปรวนมาก แต่ก็ยังอยากจะถ่ายรูปมา

วัดถ้ำฯ นี่คนเยอะมากนะครับ รถบัสรถทัวร์จอดกันเต็ม อยู่อ.โขงเจียม ตรงจุดชมวิวแม่น้ำสองสีเลย
แวะที่เดียวเที่ยวได้2
อันนี้เป็นลูกกะบกคั่ว รสชาดดีมาก เค้าบอกว่าอัลมอนด์อีสาน ผมว่าอร่อยนะ

ออกจากวัดก็มุ่งหน้า อช.ผาแต้ม พอเข้าเขต อช.มานิดนึงก็แวะชมเสาเฉลียงกันก่อน คนเยอะมากมายครับ
เพราะตรงกับเทศกาลใหญ่ของที่นี่
ฟ้าก็ช่างมืดมิดซะจริงๆ
ถ้าชอบแนวๆหินแบบนี้ผมว่าที่ภูพระบาท อุดรธานี งามกว่านี้เยอะเลย

จากนั้นขึ้นไปชมลานหินแตก ที่มีอยู่แค่ร่องเดียว อยากชมแบบเยอะๆต้องไปภูหินร่องกล้าครับ

บนจุดชมวิวก็เป็นลานหินกว้างๆ สวยดีเหมือนกัน

หน้าฝนก็มีดอกไม้ให้ชื่นใจเล็กน้อย เอาเลนส์ไวด์ถ่ายดอกไม้ด้วยความขี้เกียจเปลี่ยนเลนส์

เดินไปดูตรงริมหน้าผากัน



คราวนี้ก็มาถึงผาแต้มหละ รถจอดเต็มลานยังกะหน้าห้างใน กทม.เลย
ฝนเรื่มตกๆหยุดๆไปเรื่อย คนก็ยังเที่ยวกันอย่างไม่ย่อท้อ
ได้ยินคนกลุ่มนึงเค้าคุยกันว่า ฝนไม่ใช่อุปสรรคของการท่องเที่ยว อุปสรรคจริงๆคือเงิน
พวกเราไปกันแค่นี้แหละ 4คน
เดินลงไปชมภาพเขียนสีกันหน่อย เดินสบายครับ เค้าทางเดินอย่างดี

มีพวกมือบอน+งมงายชอบเอาเศษไม้ไปค้ำหิน เค้าเลยต้องเขียนห้ามเอาไว้


เดินกันสบายเหมือนเดินตามถนนในกรุงเลยครับ

สาวๆก็แต่งตัวกันยังกะเดินบน catwalk กันเลยทีเดียว ดูเพลิดเพลินตา

บริเวณกลุ่มภาพเขียน ต้องทำรั้วหลายชั้นแถมด้วยลวดหนามอีก

ตัดภาพกลับมาบนหน้าผาจุดชมวิว คนเยอะยังกะสวนจตุจักร



ออกจากผาแต้มก็เที่ยงแล้ว ย้อนไปหาอะไกินกันที่อ.โขงเจียม ตามคำแนะนำของไกด์เหน่ง
โอ้โห... โขงเจียมวันนี้รถติดครับ แพอาหารริมโขงคนแน่นทุกแพ ทั้งที่มีมากมายหลายสิบ

เราก็เลือกเอาที่คนนั่งกันเยอะๆแหละ แต่ก็คอยไม่นานนะ เหมือนกับว่าร้านอาหารแถวนี้เค้าจะเตรียมรับมือไว้แล้ว
ฝนก็ยังตกอยู่ตลอดเลยนะครับ



ปลาบึกต้มยำ เนื้อแน่นมาก รสชาดโอเค



ลาบปลาแข้ หน้าตาดี



ไม่ได้เชียร์ร้านนี้นะครับ
ไปแถวนั้นลองดูมีหลายร้าน เสียดายวันนั้นกุ้งแม่น้ำหมด เลยไม่ได้กิน

ป้ายนี้อยู่ริมโขงแถวๆในอ.โขงเจียมเลย



มาถึงสามพันโบกซะทีครับ
บ่ายสามพอดี ถนนราดยางถึงริมตลิ่งกันเลย
สะดวกมากมาย มีห้องน้ำอย่างดีใหม่เอี่ยม แต่เก็บตังค์นิดหน่อย ไม่ว่ากันครับ




ป้ายทำไว้เอาใจนักท่องเที่ยวไทย


มองจากตลิ่งตรงที่จอดรถลงไป ชาวบ้านเค้าว่าน้ำเยอะไปหน่อยครับ



ฝนยังตก แต่ผมกับพวกก็ใส่เสื้อกันฝนลุยกันแล้ว
เรือจอดรอเพียบเลยครับ


ยังไม่กล้าลงเรือกันเพราะฝนฟ้าคะนองและน้ำแรงมาก
ผู้คนก็เดินเล่นกันแถวนั้นก่อน


ในที่สุดกลุ่มผมที่ไปถึงทีหลัง แต่เหมาเรือก่อนใครเลย เค้าคิด500 แต่ต่อรองกันเหลือ 400
ฝนฟ้าแบบนี้มีลูกค้าก็เอาไว้ก่อน ทีแรก400 ผมยังว่าแพง แต่ไปจริงๆแล้ว ไม่แพงครับ

ภาพนี้เป็นท่าเรืออีกท่าที่อยู่ใกล้ๆกันแต่เข้าคนละทาง เห็นมีการทำศาลาอะไรไว้แข่งขันกันน่าดูครับ


มุมนี้ผมเล็งไว้ตั้งแต่ก่อนไปเลย
แต่ลำนี้เค้าจอดนานๆมาก คนที่มาก็ไม่ไปไหนเลย อยู่กันตรงนี้นานมาก
ดูเหมือนกำลังจะมาซื้อที่ปลุกบ้านเลยครับ


พลาดมุมมหาชนไป1มุม ซักพักคนเรือก็พาเรามาขึ้นเกาะแรก
เกาะนี้หินจะคมๆหน่อย เป็นแบบหินภูเขาไฟครับ



ไฮไลท์ของเกาะนี้ น้องคนเรือเค้าว่าเป็นหินสี เดี๋ยวค่อยดูกันครับ



นี่ไงกลุ่มหินสีที่เค้าว่า ดูแล้วมันน่าจะเป็นสนิมเหล็ก ที่ถูกเคลือบด้วยกาลเวลา


ดูใกล้ๆเลย


เดินชมไปเรื่อยๆเย็นสบายไม่มีแดด มีฝนประปราย


ฟ้ายังฉ่ำพร้อมจะตกทุกเมื่อ



มุมสะพานหินเล็กๆนี่ก็มุมมหาชน แต่วันนี้ลอกมุมใครไม่ได้เลย เพราะน้ำขังเยอะมาก


สวยจริงๆฝีมือธรรมชาติและกาลเวลา


ออกจากเกาะแรกมาอีกเกาะนึง ฟ้าใสมาแว๊บเดียวพอให้ดีใจ




ขึ้นมาชมอีกเกาะนึง คราวนี้เป็นหินเกลี้ยงๆเดินง่ายหน่อย
ฝนยังพรำๆอยู่บ้าง แต่เย็นดีครับ


เกาะนี้แหละหลุมเยอะจริงๆ
อันนี้ผมเรียกเองว่าหลุมเอเลี่ยน คนอื่นเรียกว่าไงไม่รู้สิ



อันนี้ไม่ต้องบอกเลย


นี่อีกอันที่ต้องถ่ายกันมาทุกคน แต่วันนี้น้ำเยอะครับ


สิ่งที่น่าเป็นห่วงและเสียดายคือตอนนี้เริ่มมีชาวบ้านเอาลังน้ำแข็งใสพวกน้ำขวด เครื่องดื่มไปขายบนเกาะเลย
คนซื้อกินแล้วก็ทิ้งขยะกันบนนั้น ขยะลอยอยู่ตามหลุมพอสมควรเลยครับ













เริ่มจะเย็นมากหละ กลับดีกว่า
คนเรือเค้าก็ดีนะครับ ไม่มีเร่งพวกผมถ่ายรูปกันด้วยเลยนานหน่อย
ค่าเรือที่คิดว่าแพงตอนแรก พอมาจริงๆแล้วจะรู้สึกว่าไม่แพง
เพราะน้ำแรงมาก ต้องใช้คนนำร่องดูที่หัวเรือคนนึง คนขับอีกคน ลำบากพอดู
เครื่องเรือที่นี่ก็ใหม่ทุกลำ เพราะถ้าเครื่องดับกลางกระแสน้ำเชี่ยวๆนี่อันตรายมากครับ


ลากจากสามพันโบกด้วยความสบายใจ ที่รอดจากพายุฝนมาได้
ตั้งใจไว้ว่าหน้าแล้งจะมาแก้มือกันอีกรอบครับ


ต้องนั่งรถกลับเข้าอุบลฯ ไกด์เหน่ง (ตอนนี้เป็นไกด์เต็มตัวไปแล้ว) บอกว่าทีแรกจะแวะน้ำตกแสงจันทร์ ที่ไหลงรู แต่มันยังไม่ค่อยจะมีน้ำเลยผ่านไป

กลับเข้าอุบลฯแล้วแวะหาของกินกันแถวๆในเมือง จากนั้นไกด์ของเราพาไปชมเบื้องหลังการผลิตต้นเทียนที่เค้าเตรียมทำไว้ประชันกัน

ผลงานศิลปินต่างชาติมากมายเลยครับ


ของเสปนมาแนวกราฟฟิค


อันนี้ศิลปินไทยเราเอง มีคอนเซปท์เป็นเรื่องเป็นราว


ศิลปินจีน ใช้แกะสลักเอาแบบนี้กันเลย ยากนะเนี่ยะ


อันนี้ของชาติไหนจำไม่ได้ ออกแนวนามธรรมครับ


ผมว่าอีกไม่กี่ปี สงสัยเค้าอาจจะชนะเราได้
ทางคณะกรรมการที่มาเตรียมงานคุยกันให้ได้ยินว่า เค้ามาแรงกันมากขึ้นเรื่อยๆ

มีส่วนของการแสดงนิทรรศการให้คนมาชมขั้นตอนการทำด้วยครับ


ทีแรกนึกว่าเค้าจะขาย
เตรียมไว้ให้ท่านผู้มีเกียรติที่มาเปิดงานครับ


มันเป็นของที่ทำล่วงหน้านานๆไม่ได้ครับ
น้องๆต้องว่ากันโต้รุ่งทำกันทั้งวันทั้งคืนแบบนี้


ทำให้ดูกันเห็นๆ ตั้งแต่เริ่มหล่อต้นเทียน


จบจากการชมกรรมวิธีผลิตเทียนและงานศิลป์ ไกด์เหน่งพาไปต่อมื้อดึกร้านดังของอุบลฯกันอีก


คนเยอะมากๆ ไม่แพงครับ นมร้อนๆกัยขนมปังอุ่นๆสุดยอด
มีขนมขายหลายอย่างเยอะมาก



จากนั้นก็เข้าที่พัก ที่เราไปจองกั๊กไว้ตั้งแต่เช้า คืนนี้นอนไม่คุ้มเลยครับ แต่เที่ยวคุ้มมากๆ

เช้าอีกวัน (จันทร์ที่26) ไกด์เหน่งมารับแต่เช้า จะพาไปซื้อของฝาก กินข้าวเช้าก่อน
เริ่มจากร้านนี้ครับ ไกด์เหน่งบอกเจ๋งสุดแล้ว (กลับมาชิมที่บ้านต้องยอมรับว่าอร่อยจริง)
คนแน่นร้านแต่เช้า บรืการดีครับ บอกจะโหลดขึ้นเครื่องเค้าแพคลงลังให้อย่างดีเลย


หมูยอทำกันใหม่ๆ เดินเข้าไปหลังร้านเลย แต่ไม่ได้ถ่ายมาเพราะไม่ทราบว่าต้องขออนุญาตใคร
เลยตัดปัญหา ไม่ถ่ายซะ


จากนั้น เหน่งพาไปกินข้าวมันไก่ไฮโซ ที่ดูจากร้านแล้วยังไงก็ไม่เห็นไฮ ตรงไหน ร้านเป็นเพิงๆ ธรรมดา
แต่เหน่งเล่าให้ฟังว่า เจ้าของร้านนี่ ตะก่อนแกเป็นเชฟโรงแรมใหญ่แล้วเกิดเบื่อหน่ายวงการเลยมาเปิดร้านเล็กๆเอง
ขายดีมากเลย แล้วแกก็จะแต่งตัวชุดเชฟใหญ่เต็มยศ
แต่พอดีวันัน้นเราไปกันแต่เช้าแกยังไม่เปิดร้านเป็นเรื่องเป็นราว เลยยังไม่เห็นเชฟใหญ่สับไก่ขาย

จานละ 30 มองไม่เห็นข้าวแล้วไก่ร้านนี้เค้าไม่เอามีดตบให้แบนๆ ด้วยนะ มากันชิ้นใหญ่แบบนี้เลย
ถูกและอร่อยมาก



โฉมหน้าเชฟใหญ่ที่ยังไม่ได้แต่งชุดหล่อ


ร้านแกก็แบบบ้านๆนี่แหละ แต่ก็สะอาดดีครับ
ยังไม่ทันเปิดร้าน มอไซค์มาจอดรอเต็มเลย


หลังจากอิ่มข้าวมันไก่ไฮโซ ยังพอมีเวลาเหลือ ไปสนามบินทัน
ไกด์เหน่งเลยอยากโชว์ออฟ พาเราไปดูเค้าทำรถแห่เทียนที่วัดแจ้ง ในเมืองอุบลฯนั่นแหละ

ได้ดูใกล้ๆเลย โดยหัวหน้าทีมท่านได้นำชมเอง อัธยาศัยดีมาก


อีกไม่ถึง 10 ชม.ต้องเข้าขบวนแห่ แต่งานยังไม่เสร็จ ทุกคนเร่งกันสุดกำลังทำกันทั้งคืน


เค้าทำกันด้วยศรัทธา ทั้งหมดนี่เฉพาะค่าวัาดุกับค่ากินอยู่ของช่าง แสนกว่าบาทเอง ไม่น่าเชื่อ



จังหวัดอื่นๆที่จัดงานแนวๆนี้เริ่มีการดูด ช่างฝีมือไปจากอุบลฯกันมากขึ้นทุกปี นี่เป็นปัญหาที่น่าห่วง

กำละงสำคัญอีกส่วนคือเด็กๆพวกนี้แหละมานั่งแกะพิมพ์กันทั้งคืน



แกะแล้วก้แยกลายใส่ถาด ระดมกันมาใช้ทั้งวัดเลย


อลังการณ์งานสร้างจริงๆ งานของวัดนี้ข้าวินบ่อยมากครับ


บักหำน่อย ตั้งใจหลายๆเลยครับแกะพิมพ์เยอะๆแบบนี้ไม่ใช่งานหมูๆ


วัดนี้เค้าดังครับ ป้ายชื่อวัดยังใช้เทียนเลย


เพิ่งรู้ว่าหุ่นเทียนแบบนี้ เค้าขึ้นโครงด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์


ชัดเลยเปเปอร์มาร์เช


จบจากที่วัดเพราะเวลาบังคับ
เรามาทันเวลาเช็คอินที่สนามบินอุบลฯพอดี อย่างไม่มีปัญหาเพราะไกด์ของเราแกมีอาชีพหลักเป็นแท๊กซี่สนามบินด้วย


บ๊ายบายเมืองอุบลฯ เวลาน้อยไปหน่อย
แล้วเจอกันใหม่ จนท.สนามบินมาโบกมือส่งแบบนี้เลย


ขึ้นแล้วววว มองลอดเมฆลงไปเห็นแม่น้ำมูลสีคราม อยู่ข้างล่าง


เหินฟ้าด้วยแอร์หางแดง A320-200 สู่กทม. โดยสวัสดิภาพ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ

ไม่มีความคิดเห็น: